วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552
การรักษาสิว
อย่าแกะ บีบสิว เพราะว่าการบีบและแกะสิวจะทำให้อักเสบกระจายไปที่อื่น อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องเอาหัวสิวออก ควรจะต้องได้รับการทำจากผู้เชี่ยวชาญ อีกอย่างหนึ่งคือจะทำให้ทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนหน้าซึ่งผมคิดว่ารักษายากพอๆกับสิวเลยนะครับ2. ล้างหน้าวันละสองครั้งด้วยผลิตภัณฑ์อ่อนสำหรับล้างหน้า(ไม่ควรใช้สบู่ล้างหน้าเพราะสบู่ส่วนใหญ่จะมีค่า pH มากว่าหน้าเราทำให้เวลาล้างเสร็จหน้าแห้งตึงเกินไป ซึ่งจะทำให้ผิวต้องปล่อยน้ำมันออกมาเพื่อให้หน้าชุ่มชื้น ขั้นตอนนี้อาจทำให้เป็นสิวเพิ่มได้ และไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ SLS,SLES)และเช็ดหน้าให้แห้ง สิวไม่ได้เกิดจากความสกปรก และการล้างหน้าแรงๆและขัดหน้าไม่ได้ช่วยทำให้มันดีขึ้น จริงๆแล้วการขัดถูหน้าจะทำให้หน้าระคายเคืองและทำให้สิวแย่ไปกว่าเดิม การที่จะทำให้สิวดีขึ้นจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่เหมาะกับเรา3. ใช้เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์อาบน้ำเช่น สบู่ แชมพู ที่ noncomedogenic เมื่อคุณซื้อผลิตภัณฑ์พวกนี้โปรดดูที่ฉลากว่ามีติด noncomedogenic ไว้อยู่ ไม่ว่าจะเป็น ที่แต่งหน้า ครีมกันแดดและอุปกรณ์อาบน้ำ (เป็นข้อสังเกตเบื้องต้นที่จะทำให้เราไว้ใจกับสินค้านั้น แต่ถ้าให้ชัวร์ก็ต้องดูส่วนผสมมันครับ)4. หลีกเลี่ยงการรบกวนสิวของคุณ ผมมัน, อุปกรณ์กีฬาที่สัมผัสหรือเช็ดถูบริเวณผิวหน้า และพวกสเปรย์น้ำมัน สามารถทำให้เกิดการระคายเคือง และทำให้สิวเห่อ วิธีการหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ทำได้โดย...- ถ้าคุณเป็นคนผมมัน เก็บผมของคุณอย่าให้ถูกใบหน้าและสระผมทุกวัน- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เช่น น้ำมันใส่ผม เจล5. ให้เวลากับผลิตภัณฑ์รักษาสิวของคุณ ถามหมอหรือเภสัชกร ว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะดีขึ้น เพื่อที่คุณจะได้รู้เวลาการทำงานของผลิตภัณฑ์ตัวนั้นและไม่หยุดใช้ก่อนที่มันจะทำงาน โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 6-8 สัปดาห์6. ใช้ยาตามที่ถูกต้อง ใช้ยามากกว่ากำหนดไม่ได้ทำให้สิวดีขึ้น แต่กลับจะทำให้มันแย่ลงเพราะการระคายเคือง อ่านฉลากและคำแนะนำหรือปรึกษาหมอเพื่อให้ได้ผลที่ดีที่สุด7. หลีกเลี่ยงการโดนแสงอาทิตย์และหลอดไฟ เป็นความเชื่อผิดๆกันมา จริงๆแล้วการทำให้ผิวเป็นสีแทน ไม่ได้ทำให้สิวดีขึ้นแต่แค่ทำให้เราเห็นมันไม่ชัด การตากแดดมากๆกลับทำให้เป็นฝ้าและมะเร็งผิวหนังอีก การรักษาสิวบางชนิดจะทำให้ผิวหนังรับกับแสงแดดและแสงไฟได้น้อยลง ถ้าคุณเป็นสิว การปกป้องผิวจากแสงแดดจึงสำคัญมาก
การเชื่อมโลหะ
เป็นขบวนการที่ใช้สำหรับต่อวัสดุ ส่วนใหญ่เป็นโลหะและพลาสติก โดยให้รวมตัวเข้าด้วยกัน ปกติใช้วิธีทำให้ชิ้นงานหลอมละลายและการเพิ่มเนื้อโลหะเติมลงในแอ่งหลอมละลายของวัสดุที่หลอมเหลว เมื่อเย็นตัวรอยต่อจะมีความแข็งแรง บางครั้งใช้แรงดันร่วมกับความร้อน หรืออย่างเดียว เพื่อให้เกิดรอยเชื่อม ซึ่งตรงข้ามกับการบัดกรีอ่อนและการบัดกรีแข็งซึ่งไม่มีการหลอมละลายของชิ้นงานชิ้นงาน มีแหล่งพลังงานหลายอย่างสำหรับนำมาใช้ในการเชื่อม เช่น การใช้ความร้อนจากเปลวแก๊ส, การอาร์คโดยใช้กระแสไฟฟ้า, ลำแสงเลเซอร์, การใช้อิเล็คตอรอนบีม, การเสียดสี, การใช้คลื่นเสียง เป็นต้น ในอุตสาหกรรมมีการนำมาใช้ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน เช่นการเชื่อมในพื้นที่โล่ง, พื้นที่อับอากาศ, การเชื่อมใต้น้ำ การเชื่อมมีอันตรายเกิดขึ้นได้ง่าย จึงควรมีความระมัดระวังเพื่อป้องกันอันตราย เช่น ที่เกิดจาก กระแสไฟฟ้า, ความร้อน, สะเก็ดไป, ควันเชื่อม, แก๊สพิษ, รังสีอาร์ค, ชิ้นงานร้อน, ฝุ่นละออง ในยุคเริ่มแรกจนถึงศตวรรษที่ 19 มีการใช้งานเฉพาะการเชื่อมทุบ (forge welding) เพื่อใช้ในการเชื่อมต่อโลหะ เช่นการทำดาบในสมัยโบราณ วิธีนี้รอยเชื่อมที่ได้มีความแข็งแรงสูงและโครงสร้างของเนื้อรอยเชื่อมมีคุณภาพอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่มีความล่าช้าในการนำมาใช้งานในเชิงอุตสาหกรรม หลังจากนั้นได้มีการพัฒนามาสู่การเชื่อมอาร์คและการเชื่อมโดยใช้เปลวแก๊สออกซิเจนและหลังจากนั้นมีการ เชื่อมแบบความต้านทานตามมา
เครื่องมือเชื่อม
. เครื่องเชื่อม (WELDING MACHINE)เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ผลิตพลังงานไฟฟ้าทั้งแรงดัน และกระแสไฟฟ้าให้เหมาะสม ที่จะทำให้เกิดการอาร์คที่มีความร้อนสูงมากพอที่จะทำการเชื่อมได้ กระแสไฟฟ้าทั้งกระแสตรง (DC) และกระแสสลับ (AC) ใช้ทำการเชื่อมได้ทั้งสองอย่าง ดังนั้นเครื่องเชื่อมจึงถูกผลิตขึ้นมาหลายชนิด ที่มีใช้กันแพร่หลายในท้องตลาด
วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552
การดูแลสุขภาพตนเอง
เป็นการดูแลสุขภาพตนเอง และสมาชิกในครอบครัว ให้มีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์อยู่เสมอ ได้แก่
การดูแลส่งเสริมสุขภาพ เพื่อให้สุขภาพแข็งแรง สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข เช่น การออกกำลังกาย การสร้างสุขวิทยาส่วนบุคคลที่ดี ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงจากสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
การป้องกันโรค เพื่อไม่ให้เจ็บป่วยเป็นโรค เช่น การไปรับภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ การไปตรวจสุขภาพ การป้องกันตนเองไม่ให้ติดโรค การดูแลสุขภาพตนเองเมื่อเจ็บป่วย ได้แก่ การขอคำแนะนำ แสวงหาวามรู้จากผู้รู้ เช่น อาสาสมัครสาธารณสุขต่างๆ ในชุมชน บุคลากรสาธารณสุข เพื่อให้ได้แนวทางปฏิบัติ หรือการรักษาเบื้องต้นให้หาย จากความเจ็บป่วย ประเมินตนเองได้ว่า เมื่อไรควรไปพบแพทย์ เพื่อรักษาก่อนที่จะเจ็บป่วยรุนแรง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หรือบุคลากรสาธารณสุข เพื่อบรรเทาความเจ็บป่วย และมีสุขภาพดีดังเดิม การที่ประชาชนทั่วไปสามารถดูแลสุขภาพตนเองได้นั้น จำเป็นต้องมีความรู้ ึความเข้าใจในเรื่อง การดูแลสุขภาพ ตั้งแต่ยังไม่เจ็บป่วย เพื่อบำรุงรักษาตนเอง ให้สมบูรณ์แข็งแรง รู้จักที่จะป้องกันตัวเอง มิให้เกิดโรค และเมื่อเจ็บป่วยก็รู้วิธีที่จะรักษาตัวเอง เบื้องต้นจนหายเป็นปกติ หรือรู้ว่า เมื่อไรต้องไปพบแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
การดูแลส่งเสริมสุขภาพ เพื่อให้สุขภาพแข็งแรง สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข เช่น การออกกำลังกาย การสร้างสุขวิทยาส่วนบุคคลที่ดี ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงจากสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
การป้องกันโรค เพื่อไม่ให้เจ็บป่วยเป็นโรค เช่น การไปรับภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ การไปตรวจสุขภาพ การป้องกันตนเองไม่ให้ติดโรค การดูแลสุขภาพตนเองเมื่อเจ็บป่วย ได้แก่ การขอคำแนะนำ แสวงหาวามรู้จากผู้รู้ เช่น อาสาสมัครสาธารณสุขต่างๆ ในชุมชน บุคลากรสาธารณสุข เพื่อให้ได้แนวทางปฏิบัติ หรือการรักษาเบื้องต้นให้หาย จากความเจ็บป่วย ประเมินตนเองได้ว่า เมื่อไรควรไปพบแพทย์ เพื่อรักษาก่อนที่จะเจ็บป่วยรุนแรง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หรือบุคลากรสาธารณสุข เพื่อบรรเทาความเจ็บป่วย และมีสุขภาพดีดังเดิม การที่ประชาชนทั่วไปสามารถดูแลสุขภาพตนเองได้นั้น จำเป็นต้องมีความรู้ ึความเข้าใจในเรื่อง การดูแลสุขภาพ ตั้งแต่ยังไม่เจ็บป่วย เพื่อบำรุงรักษาตนเอง ให้สมบูรณ์แข็งแรง รู้จักที่จะป้องกันตัวเอง มิให้เกิดโรค และเมื่อเจ็บป่วยก็รู้วิธีที่จะรักษาตัวเอง เบื้องต้นจนหายเป็นปกติ หรือรู้ว่า เมื่อไรต้องไปพบแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
การดูแลเบื้องต้นเมื่อโดนงูกัด
หลังจากถูกงูกัดให้หลีกให้พ้นตัวงูโดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันการถูกกัดซ้ำ ระยะที่ปลอดภัยประมาณระยะทางยาวเท่ากับตัวงู
อย่าตกใจกลัว ดิ้นรน โวยวาย เพราะจะทำให้อาการจากพิษของงูรุนแรงและรวดเร็วขึ้นไปอีก
ถอดเครื่องตกแต่งบริเวณที่ถูกกัด เช่น แหวน
หากมีเลือดออกให้ปล่อยให้เลือดออก เพื่อให้พิษออกให้มากที่สุด
พยายามให้บริเวณที่ถูกงูกัดเคลื่อนไหวน้อยที่สุด
ล้างแผลด้วยนํ้าสะอาดห้ามกรีดแผล ใช้ไฟจี้ ใส่ยา พอกยา หรือพอกน้ำแข็งที่แผลเป็นอันขาดเพราะจะทำให้แผลหายช้าและติดเชื้อแบคทีเรีย
อย่าให้ผู้ป่วยดื่มสุรา หรือยาที่มีสุราเจือปนอยู่
อย่าให้ยาระงับประสาท,ยาที่ออกฤทธิ์ต่อประสาท ยาแก้ปวดจำพวก morphine และยาแก้ปวดพวก aspirin เพราะจะไปเสริมฤทธิ์กับพิษงู hemotoxin
เคลื่อนไหวผู้ป่วยให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ควรจะให้นอนพักและรีบหามผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลไม่ควรนั่งเพราะจะทำให้ผู้ป่วยปวดศีรษะ หากผู้ป่วยอยู่นิ่งพิษจะดูดซึมช้า เนื่องจากพิษจะถูกดูดซึมผ่านทางระบบน้ำเหลือง
จัดตำแหน่งอวัยวะส่วนที่ถูกงูกัดอยู่ในระดับต่ำกว่าหัวใจ
ให้นำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลก่อนที่จะพบตัวงู หากไม่พบต้องจำสี ลักษณะพิเศษของง ถ้าเป็นไปได้ ญาติควรพยายามหางูตัวนั้นให้พบ โดยตีที่คอแล้วนำซากงูไปโรงพยาบาล
การรัดด้วย touniquet จะทำการรัดด้วยเชือก ไม่จำเป็นต้องเป็นเชือกกล้วย เข็มขัด สายยาง หรือผ้าผูกคอ
อย่าตกใจกลัว ดิ้นรน โวยวาย เพราะจะทำให้อาการจากพิษของงูรุนแรงและรวดเร็วขึ้นไปอีก
ถอดเครื่องตกแต่งบริเวณที่ถูกกัด เช่น แหวน
หากมีเลือดออกให้ปล่อยให้เลือดออก เพื่อให้พิษออกให้มากที่สุด
พยายามให้บริเวณที่ถูกงูกัดเคลื่อนไหวน้อยที่สุด
ล้างแผลด้วยนํ้าสะอาดห้ามกรีดแผล ใช้ไฟจี้ ใส่ยา พอกยา หรือพอกน้ำแข็งที่แผลเป็นอันขาดเพราะจะทำให้แผลหายช้าและติดเชื้อแบคทีเรีย
อย่าให้ผู้ป่วยดื่มสุรา หรือยาที่มีสุราเจือปนอยู่
อย่าให้ยาระงับประสาท,ยาที่ออกฤทธิ์ต่อประสาท ยาแก้ปวดจำพวก morphine และยาแก้ปวดพวก aspirin เพราะจะไปเสริมฤทธิ์กับพิษงู hemotoxin
เคลื่อนไหวผู้ป่วยให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ควรจะให้นอนพักและรีบหามผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลไม่ควรนั่งเพราะจะทำให้ผู้ป่วยปวดศีรษะ หากผู้ป่วยอยู่นิ่งพิษจะดูดซึมช้า เนื่องจากพิษจะถูกดูดซึมผ่านทางระบบน้ำเหลือง
จัดตำแหน่งอวัยวะส่วนที่ถูกงูกัดอยู่ในระดับต่ำกว่าหัวใจ
ให้นำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลก่อนที่จะพบตัวงู หากไม่พบต้องจำสี ลักษณะพิเศษของง ถ้าเป็นไปได้ ญาติควรพยายามหางูตัวนั้นให้พบ โดยตีที่คอแล้วนำซากงูไปโรงพยาบาล
การรัดด้วย touniquet จะทำการรัดด้วยเชือก ไม่จำเป็นต้องเป็นเชือกกล้วย เข็มขัด สายยาง หรือผ้าผูกคอ
วิธีการป้องกันไวรัสจากคอมพิวเตอร์
(1)ทำการอัพเดทแพตช์ระบบวินโดวส์และโปรแกรมแอพพลิเคชันอย่างสม่ำเสมอ สำหรับผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์สามารถทำการอัพเดทผ่านอินเทอร์เน็ตได้จากเว็บไซต์ http://update.microsoft.com/microsoftupdate สำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัทอื่นๆ ติดตามข่าวการอัพเดทเพื่อปิดช่องโหว่ความปลอดถัยได้จากเว็บไซต์ของเจาของผลิตภัณฑ์นั้นๆ(2.) ติดตั้งโปรแกรม Anti Virus ซึ่งมีให้เลือกใช้งานหลากโปรแกรมหลายยี่ห้อ ทั้งโปรแกรม Anti Virus เชิงพานิชย์และแบบฟรีแวร์ จะใช้โปรแกรมใดยี่ห้อใดก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล แต่ที่สำคัญต้องทำการอัพเดทไวรัสซิกเนเจอร์อย่างสม่ำเสมอ (แนะนำให้ทำการอัพเดททุกวันถ้าทำได้) สำหรับวิธีการอัพเดทไวรัสซิกเนเจอร์นั้น จะมีขั้นตอนการคอนฟิกแตกต่างกันไปตามแต่ละโปรแกรม ดังนั้นให้ ศึกษาได้จากคู่มือของโปรแกรมที่ท่านใช้งานให้เข้าใจ และหลังจากทำการคอนฟิกเสร็จแล้วให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการอัพเดทประสบความสำเร็จ นอกจากนี้โปรแกรมป้องกันไวรัสบางยี่ห้อยังมีบริการให้ดาวน์โหลดไวรัสซิกเนเจอร์เพื่อนำไปทำการอัพเดทแบบแมนนวลอีกด้วยสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมโดยการค้นหาคำว่า Anti Virus หรือ free Anti Virus โดยใช้ Google.com(3.) ติดตั้งใช้งานโปรแกรม Personal Firewall หรือ Windows Firewall ในกรณีผู้ใช้ Windows XP หรือ Vista โดยโปรแกรม Firewall จะทำหน้าที่ป้องกันคอมพิวเตอร์จากการบุกรุกของไวรัส มัลแวร์และแฮกเกอร์ ในกรณีผู้ใช้ Windows XP หรือ Vista แนะนำให้คอนฟิก Windows Firewall ให้เริ่มทำงานโดยอัตโนมัติพร้อมกับระบบวินโดวส์ สำหรับโปรแกรม Personal Firewall นั้น มีให้เลือกใช้ทั้งแบบโปรแกรมเชิงพานิชย์และแบบฟรีแวร์
การขับขี่รถยนต์
1). การมองกระจก เพื่อสังเกตรถคันหลัง การมองรถคันหลังผ่านทางกระจกรถ ก่อนที่คุณจะเคลื่อนตัวออก โดยสังเกตว่าเขาต้องการจะหักหัวไปทางซ้าย หรือขวาหรือไม่ ทั้งนี้ในบรรดาผู้ขับขี่โดยส่วนใหญ่ คงไม่มีใครที่จะเสียบเข้าซ้าย หรือขวาทั้นทีทั้งที่ไม่ได้หักหัวรถ แบบนี้คงไม่ดีแน่ๆ เพราะการมองกระจกรถเสมอๆ เพื่อดูความเคลื่อนไหวของรถคันที่ตามหลังมาถือเป็นเรื่อง พื้นฐานสำหรับการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์เลยทีเดียวหรือหากไม่แน่ใจพอก็สามารถหันศรีษะไปมองด้านหลังบ้างก็ นะครับ แต่อย่านานนัก!
2.) อย่าวางใจกระจกรถเสมอไป อย่างที่ว่าแหละครับมองกระจกอย่างเดียว บางทีก็อาจพลาดได้ การมองกระจกรถมอเตอร์ไซค์ขณะขับขี่ ถือเป็นความปลอดภัยขั้นพื้นฐานอย่างหนึ่ง แต่ก็ไม่เสมอไปนะครับ เว้นแต่ว่าคุณได้ปรับตำแหน่งของกระจกไว้ อย่างดีแล้ว ในช่วงจราจรติดขัดบางครั้งคุณก็ต้องคอยระมัดระวังรถคันอื่นที่ไม่สามารถขยับได้ บางครั้งก็มีพลาดบ้าง อย่างกระจกรถไปกระทบกระทั่งกับรถคันอื่นจนมันขยับเปลี่ยนทิศทาง เจอแบบนี้ต้องรีบปรับกระจกเสียใหม่ แล้ว พยายามชำเลืองดูอย่างรวดเร็วนะครับว่ามันอยู่ในทิศทางเดิมหรือไม่
3.) การออกจากซอย หรือลงจากทางลาด อุบัติเหตุส่วนใหญ่ที่เจอบ่อย ๆ สาเหตุก็เกิดมาจากการขับรถออกจากซอย หรือลงจากทางลาดโดยไม่ระวังรถ ซ้าย-ขวา อันนี้ต้องจำกฎไว้ในใจเสมอเลยครับว่า อย่าเพิ่งออก อย่าเพิ่งออก ถ้าไม่แน่ใจพอก็อย่าเพิ่งออกรถครับ ถึงแม้จะรีบหรือมีธุรสำคัญมากแค่ไหน ก็ใจเย็นๆ ครับเพราะรถคันอื่นที่มาทางตรงเขาไม่ทราบหรอกครับว่าคุณ จะจำเป็นต้องไปไหนหนักหนา
4). พร้อมที่จะใช้เบรคอยู่เสมอ ข้อควรระมัดดระวังอีกอย่างและสำคัญมากๆ ในช่วงจราจรคับคั่งนั่นคือ การใช้เบรคมือและเบรคเท้าก็คือ ผู้ขับ ขี่ต้องพร้อมที่จะใช้เบรคอยู่เสมอ ความพร้อมในที่นี้หมายถึงมือที่ใช้กำเบรกก็ต้องวางอยู่บนเบรกอยู่ตลอดเวลา และเท้าขวาที่ใช้เหยียบเบรกก็ต้องวางอยู่บนเบรคอยู่เสมอเช่นกัน ทั้งนี้หากเกิดเหตุการไม่คาดฝันมันก็จะช่วย ให้ผู้ขับขี่สามารถใช้เบรคได้อย่างทันท่วงทีครับ
5.) การให้สัญญาณ การให้สัญญาณในระยะทางไกล กับรถคันอื่นหรือคนข้ามถนนคุณต้องแน่ใจด้วยว่า พวกเขามองเห็นคุณโดย เฉพาะช่วงเวลากลางวัน ทั้งนี้ตามกฎจราจรแล้วรถมอเตอร์ไซค์ก็ควรจะเปิดไฟหน้าไว้ตลอดขณะขับขี่ไม่ว่าจะเป็น กลางวันหรือกลางคืน และด้วยมารยาทแล้ว ก็ควรจะใช้ไฟต่ำขณะที่ขับสวนทางกับคันอื่นด้วยนะครับ นอกจากนั้น แล้วการสวมเสื้อผ้า-แจ็คเก็ตหรือหมวกกันน็อค ที่มีสีสันดูสดุดตา ก็ถือเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งให้รถคันอื่น สามารถมองเห็นคุณได้แม้อยู่ในระยะทางไกลออกไป
6.) การใช้เกียร์ต่ำในขณะขับขี่ การขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ ในช่วงการจราจรติดขัดก็ควรจะใช้เกียร์ต่ำเพื่อพร้อมที่จะออกตัวอยู่เสมอโดยเฉพาะ ในขณะที่รถติดไฟแดงอยู่ ทั้งนี้ก็เพื่อความสะดวกในการออกตัวและไม่ทำให้รถคันหลังรำคาญคุณได้
2.) อย่าวางใจกระจกรถเสมอไป อย่างที่ว่าแหละครับมองกระจกอย่างเดียว บางทีก็อาจพลาดได้ การมองกระจกรถมอเตอร์ไซค์ขณะขับขี่ ถือเป็นความปลอดภัยขั้นพื้นฐานอย่างหนึ่ง แต่ก็ไม่เสมอไปนะครับ เว้นแต่ว่าคุณได้ปรับตำแหน่งของกระจกไว้ อย่างดีแล้ว ในช่วงจราจรติดขัดบางครั้งคุณก็ต้องคอยระมัดระวังรถคันอื่นที่ไม่สามารถขยับได้ บางครั้งก็มีพลาดบ้าง อย่างกระจกรถไปกระทบกระทั่งกับรถคันอื่นจนมันขยับเปลี่ยนทิศทาง เจอแบบนี้ต้องรีบปรับกระจกเสียใหม่ แล้ว พยายามชำเลืองดูอย่างรวดเร็วนะครับว่ามันอยู่ในทิศทางเดิมหรือไม่
3.) การออกจากซอย หรือลงจากทางลาด อุบัติเหตุส่วนใหญ่ที่เจอบ่อย ๆ สาเหตุก็เกิดมาจากการขับรถออกจากซอย หรือลงจากทางลาดโดยไม่ระวังรถ ซ้าย-ขวา อันนี้ต้องจำกฎไว้ในใจเสมอเลยครับว่า อย่าเพิ่งออก อย่าเพิ่งออก ถ้าไม่แน่ใจพอก็อย่าเพิ่งออกรถครับ ถึงแม้จะรีบหรือมีธุรสำคัญมากแค่ไหน ก็ใจเย็นๆ ครับเพราะรถคันอื่นที่มาทางตรงเขาไม่ทราบหรอกครับว่าคุณ จะจำเป็นต้องไปไหนหนักหนา
4). พร้อมที่จะใช้เบรคอยู่เสมอ ข้อควรระมัดดระวังอีกอย่างและสำคัญมากๆ ในช่วงจราจรคับคั่งนั่นคือ การใช้เบรคมือและเบรคเท้าก็คือ ผู้ขับ ขี่ต้องพร้อมที่จะใช้เบรคอยู่เสมอ ความพร้อมในที่นี้หมายถึงมือที่ใช้กำเบรกก็ต้องวางอยู่บนเบรกอยู่ตลอดเวลา และเท้าขวาที่ใช้เหยียบเบรกก็ต้องวางอยู่บนเบรคอยู่เสมอเช่นกัน ทั้งนี้หากเกิดเหตุการไม่คาดฝันมันก็จะช่วย ให้ผู้ขับขี่สามารถใช้เบรคได้อย่างทันท่วงทีครับ
5.) การให้สัญญาณ การให้สัญญาณในระยะทางไกล กับรถคันอื่นหรือคนข้ามถนนคุณต้องแน่ใจด้วยว่า พวกเขามองเห็นคุณโดย เฉพาะช่วงเวลากลางวัน ทั้งนี้ตามกฎจราจรแล้วรถมอเตอร์ไซค์ก็ควรจะเปิดไฟหน้าไว้ตลอดขณะขับขี่ไม่ว่าจะเป็น กลางวันหรือกลางคืน และด้วยมารยาทแล้ว ก็ควรจะใช้ไฟต่ำขณะที่ขับสวนทางกับคันอื่นด้วยนะครับ นอกจากนั้น แล้วการสวมเสื้อผ้า-แจ็คเก็ตหรือหมวกกันน็อค ที่มีสีสันดูสดุดตา ก็ถือเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งให้รถคันอื่น สามารถมองเห็นคุณได้แม้อยู่ในระยะทางไกลออกไป
6.) การใช้เกียร์ต่ำในขณะขับขี่ การขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ ในช่วงการจราจรติดขัดก็ควรจะใช้เกียร์ต่ำเพื่อพร้อมที่จะออกตัวอยู่เสมอโดยเฉพาะ ในขณะที่รถติดไฟแดงอยู่ ทั้งนี้ก็เพื่อความสะดวกในการออกตัวและไม่ทำให้รถคันหลังรำคาญคุณได้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)